ประเภทหมวกนิรภัยตาม ANSI Standard Z89.1-2003
ขอบเขตและการใช้งาน
มาตรฐานนี้อธิบายถึงประเภทและระดับของหมวกนิรภัยการทดสอบและความต้องการด้านประสิทธิภาพของหมวกรวมถึงความต้องการด้านความปลอดภัยต่างๆโดยความต้องการด้านประสิทธิภาพพื้นฐานจะถูกกำหนดด้วยการป้องกันจากการกระแทก การเจาะ และการกันไฟฟ้า
ซึ่งเป็นเพียงการลดแรงเท่านั้นไม่ใช่ให้สามารถกันได้อย่างสมบูรณ์จากการกระแทกอย่างรุนแรงหมวกนิรภัยควรจะสามารถทนได้ต่อการตกใส่ของเครื่องมือเล็กๆ น็อต สกรูชิ้นส่วนของไม้ เป็นต้น
ประเภทของหมวกนิรภัย
ตามมาตรฐาน ANSI Z89.1-2003 แบ่งหมวกนิรภัยออกได้ตามลักษณะของการกันกระแทก และการกันไฟฟ้า
โดยทั่วไปหมวกนิรภัยควรจะกันกระแทกได้ในแบบประเภท 1 หรือไม่ก็ประเภทที่ 2
หมวกนิรภัย ประเภทที่ 1
หมวกนิรภัยประเภทนี้จะถูกออกแบบให้สามารถกันกระแทกจากด้านบน แต่ไม่ออกแบบสำหรับกันกระแทกจาก้านข้าง
หมวกนิรภัย ประเภทที่ 2
หมวกนิรภัยประเภทนี้จะถูกออกแบบให้สามารถกันกระแทกได้ทั้งจากด้านบนและด้านข้าง
หมวกนิรภัย ประเภทที่ E
ตัว E ย่อมาจาก Electrical ดังนั้นหมวกนิรภัยประเภทนี้จึงออกแบบเพื่อให้สามารถกันไฟฟ้าได้ดี โดยจะต้องผ่านทดสอบการกันไฟฟ้าได้ที่ 20,000 โวลต์ (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมด้านล่าง)
หมวกนิรภัย ประเภทที่ G
ตัว G ย่อมาจาก General หมวกนิรภัยประเภทนี้จะต้องผ่านทดสอบการกันไฟฟ้าได้ที่ 2,200 โวลต์
หมวกนิรภัย ประเภทที่ C
ตัว C ย่อมาจาก Conductive หมวกนิรภัยประเภทนี้ไม่กันไฟฟ้า และไม่มีการทดสอบการกันไฟฟ้า
การระบุเครื่องหมาย
หมวกนิรภัยควรจะมีชื่อ หรือสัญลักษณ์ของผู้ผลิต วันที่ผลิต เครื่องหมายมาตรฐาน ANSI และขนาดหมวก
การทดสอบประสิทธิภาพหมวก ตาม ANSI Z89.2003
ประสิทธิภาพ
| การทดสอบหมวกนิรภัย
| การกันไฟ
Flammability
| ทดสอบสำหรับทั้งหมวกนิรภัยประเภทที่ 1 และ 2
- ที่ตั้งหมวกจะต้องทำให้หมวกมีลักษณะเหมือนในการสวมใส่จริง
- พ่นไฟเป็นเวลา 5 วินาทีที่อุณหภูมิ 800 - 900º C (1472º - 1652º F) บริเวณด้านนอกของหมวก
- หมวกนิรภัยไม่ควรมีร่องรอยของการไหม้หลังจากการทดสอบ
| การกันกระแทก
Force Transmission
(Impact)
| ทดสอบสำหรับทั้งหมวกนิรภัยประเภทที่ 1 และ 2
- ทดสอบหมวกในสภาพอากาศเย็น 12 ประเภทและสภาพอากาศร้อน 12 ประเภท เพื่อทดสอบการกระแทกที่ความเร็ว ณ จุดกระทบ 5.5 เมตร/วินาที โดยวัตถุที่ตกกระทบควรมีน้ำหนัก 3.6 กิโลกรัม
- ค่าที่เกิดจาการทดสอบ และค่าเฉลี่ยจากสภาพการทดสอบทั้ง 24 แบบจะต้องมีการบันทึกพร้อมกับความเร็วการตกกระทบ
- ค่าเฉลี่ยของแรงที่ส่งผ่านตัวหมวกไม่ควรเกิน 3780 N
| การเจาะทะลุ
Apex Penetration
| ทดสอบสำหรับทั้งหมวกนิรภัยประเภทที่ 1 และ 2
- การทดสอบจะต้องทำให้หมวกมีลักษณะเหมือนในการสวมใส่จริง
- วัตถุที่จะมาเจาะหมวกจะต้องพุ่งมาในบริเวณเส้นรอบวง ไม่เกินรัศมี
75 mm (3.0 in) จากกึ่งกลางหมวก - วัตถุที่จะมาเจาะหมวกต้องมีน้ำหนัก 1.0 กิโลกรัม ตกจากความสูงที่จะทำให้เกิดความเร็ว ณ จุดกระทบ 7.0 เมตร/วินาที
- วัตถุที่มาเจาะไม่ควรที่จะติดกับเนื้อหมวก ไม่ว่าจะในสภาพใดก็ตาม
| การกันไฟฟ้า
| ทดสอบสำหรับทั้งหมวกนิรภัยประเภทที่ 1 และ 2
- หมวกนิรภัยประเภท E ออกแบบเพื่อให้สามารถกันอันตรายจากไฟฟ้าได้ โดยจะต้องผ่านทดสอบการกันไฟฟ้าได้ที่ 20,000 โวลต์ โดยหมวกจะถูกทดสอบการกันกระแทกก่อน แล้วทดสอบการกันไฟฟ้าที่ 20,000 โวลต์ เป็นเวลา 3 นาทีที่9 มิลลิแอมป์ว่าไม่มีการรั่วเข้าในหมวก แล้วทดสอบที่ 30,000 โวลต์เพื่อดูว่าไม่มีรอยไหม้หรือไม่
- หมวกนิรภัยประเภท G ออกแบบเพื่อให้สามารถกันไฟฟ้าแบบอ่อนได้ โดยจะต้องผ่านทดสอบการกันไฟฟ้าได้ที่ 2,200 โวลต์ โดยหมวกจะถูกทดสอบ เป็นเวลา 1 นาทีที่3 มิลลิแอมป์ว่าไม่มีการรั่วเข้าในหมวก
- หมวกนิรภัยประเภท C ไม่มีการทดสอบการกันไฟฟ้า
| การดูดซับพลังงานการกระแทก
Impact Energy Attenuation
| ทดสอบสำหรับเฉพาะหมวกนิรภัยประเภทที่ 2
| การเจาะทะลุนอกหนือจากศูนย์กลางหมวก
Off center penetration
| ทดสอบสำหรับเฉพาะหมวกนิรภัยประเภทที่ 2
| การคืนตัวของรองในหมวก
Chin strap retention
| ทดสอบสำหรับเฉพาะหมวกนิรภัยประเภทที่ 2
|
ข้อมูลจาก thai-safetywiki |