กลับไปรายการกระดานข่าว ตอบกลับ โพสใหม่

ความปลอดภัยเกี่ยวกับไฟฟ้า (Safety in electrical works)

ความปลอดภัยเกี่ยวกับไฟฟ้า (Safety in electrical works)
กระแสไฟฟ้าที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมใช้เป็นตัวต้นกำลังให้กับเครื่องจักรต่าง ๆมีอันตรายมากที่สุดและ รวดเร็วที่สุดเมื่อเข้าไปสัมผัสแต่กลายเป็นเรื่องที่ทุกคนมองข้ามไป ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องควรมีความรู้ความเข้าใจในการ ทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้าในอุตสาหกรรมไทยกระแสไฟฟ้าที่ใช้มีแรงเคลื่อน 220 โวลต์ และ 380 โวลต์ ความถี่ 50 เฮิร์ตเรานำไฟฟ้ามาใช้ในรูปแบบต่างดังนี้

                     1. เป็นต้นกำลังพลังงานกล
                     2. เป็นแหล่งให้แสงสว่าง
                     3. เป็นแหล่งให้ความร้อน  โดยต่อเข้ากับขดลวดชุดความร้อน
                     4. เป็นแหล่งหรือสื่อกลางของการสื่อสาร
                     5. เป็นแหล่งให้พลังงานกับอุปกรณ์
                     6. เป็นแหล่งให้อำนาจแม่เหล็กกับอุปกรณ์
                     7. เป็นแหล่งให้เกิดปฏิกิริยาเคมี
                     สาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุจากไฟฟ้า

                         1. จากตัวคนงานเอง

                       1. ขาดความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับหลักการและกฎทางไฟฟ้า

2.  ขาดความระมัดระวังตัว เพราะไม่เห็นถึงความอันตรายของ ไฟฟ้าและเพราะใกล้ชิดกับไฟฟ้าจนเคยชิน
3. ขาดสำนึกที่ว่าธรรมชาติของไฟฟ้ามองไม่เห็นด้วยตาเปล่าและหยั่งรู้ด้วยประสาทสัมผัสอื่นๆ ไม่ได้จะรู้เมื่อสัมผัสเท่านั้น

  2. จากระบบการบริหาร

1. ขาดความต่อเนื่องทางเทคนิคเกี่ยวกับไฟฟ้า ไม่มีแบบแปลนไฟฟ้าที่ถูกต้องประจำโรงงาน ข้อมูลและตัวเลขทางเทคนิคต่างๆของระบบไฟฟ้าในโรงานไม่มีหรือมีก็ไม่ครบ ไม่ทันสมัยหรือ ตรวจสอบยาก


       2. มีการต่อเติมระบบไฟฟ้าอย่างไม่เป็นระบบและบ่อยครั้งไม่ถูกหลักวิชาการหรือเมื่อต่อเติมก็ไม่ได้เพิ่มเติมในแบบแปลน
       3. ขาดช่างเทคนิคที่มีความสามารถและมีจำนวนไม่เพียงพอกับงานบางโรงงานไม่มีช่างไฟฟ้าประจำหรือมีน้อย จนทำให้ทำงานไม่ทันขาดการเอาใจใส่จากผู้บังคับบัญชา
                       4. เข้าใจผิดว่า ไฟฟ้าเป็นเรื่องที่ใครๆ  ก็ทำได้จึงมองข้ามความสำคัญของช่างไฟฟ้า
       5. อุปกรณ์ไฟฟ้าในประเทศมีราคาแพงมีของเลียนแบบที่ถูกกว่าอยู่มากจึงมีการใช้ของที่มี คุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้ระบบไฟฟ้าในโรงงานไม่มีมาตรฐานเพียงพอ
                       6. ในการซ่อมแซมเครื่องจักรกลที่มีไฟฟ้าอยู่ด้วย มักทำโดยไม่มีระบบล็อคเอ๊าท์
                       7. ขาดการประสานงานที่ดีระหว่างฝ่ายผลิตกับซ่อมบำรุง ทำให้เข้าใจผิดในการสั่งงาน  อาจทำให้เกิดอันตรายได้
                     ข้อควรระวังในการทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้า

                       1.  เมื่อพบว่าฝาครอบ กล่องสวิตช์ชำรุดเสียหาย  ควรรีบเปลี่ยนและซ่อมแซมทันที
                       2.  รักษาความสะอาดเรียบร้อยของบริเวณที่มีสวิตช์อยู่ใกล้ๆ

  3. ตรวจสอบ  ภายในแผงสวิตช์  ตู้ควบคุมไม่ให้มีเศษที่นำไฟฟ้าอยู่ ห้ามนำฟิวส์ออกจากตู้ควบคุม
                4.  ควรใช้ฟิวส์ให้ถูกขนาดและสับสวิตช์เมื่อทำการแก้ไขซ่อมแซม
                5.  ฝาครอบไม่ควรเป็นสารที่ลุกติดไฟได้
                6.  ตรวจสอบสวิตช์ตัดตอนเป็นประจำทุกเดือน
                7.  สวิตช์ควรมีป้ายแสดงรายละเอียดดังนี้
                    A. ใช้กับกระแสตรงหรือสลับ
                    B. ความต่างศักย์ทางไฟฟ้า
                    C. กระแสไฟฟ้า
                    D. เครื่องมือที่ต่อกับสวิตช์นั้น
                    E. ชื่อผู้รับผิดชอบ
                8.  ต้องสับสวิตช์ให้วงจรไฟฟ้าเปิด  เมื่อตรวจสอบหรือซ่อมแซมและ มีป้ายเตือนว่า “กำลังซ่อม”
                9.  การส่งสัญญาณในการเปิด-ปิดสวิตช์  ควรทำด้วยความระมัดระวัง
                10.  ห้ามเปิดสวิตช์เมื่อมือเปียกน้ำ
                11.  การสลักเกลียวเพื่อยึดสายไฟ  ควรขันให้แน่น
                12.  การเปิดสวิตช์ให้เครื่องทำงาน  ควรแน่ใจว่าไม่มีอะไรติดอยู่ ข้างในเครื่องจักร
                     การใช้สวิทช์ตัดตอน

                       1.  สวิตช์ที่ใช้งานกับส่วนที่อาจเกิดอันตรายสูง  ผู้รับผิดชอบต้องหมั่นตรวจสอบดูแลและทำป้ายบอกเตือน
                       2.  ในการตรวจหรือซ่อมแซมเครื่องจักร  ต้องมีป้ายหรือสัญลักษณ์บอกว่า “กำลังซ่อม” ติดที่สวิตช์
                       3.  การใช้สวิตช์ควบคุมเครื่องที่ใช้ร่วมกันหลายคน ควรมีหลักเกณฑ์การปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกัน
       4. การทำงานร่วมกันระหว่างคนงาน 2 กลุ่มที่ใช้เครื่องร่วมกันต้องใช้อย่างระมัดระวัง ประสานงานกันอย่างดีก่อนที่จะทำการเปิดปิดสวิตช์ไฟฟ้า
                     การใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ไฟฟ้า

                       1.  ตรวจสอบสายไฟฟ้า ถ้าชำรุดให้ใช้เทปพันเป็นฉนวนหุ้มให้เรียบร้อยและตรวจจุดต่อสายไฟด้วย
  2. อุปกรณ์ที่เคลื่อนที่ได้ ควรตรวจสอบบริเวณจุดข้อต่อขั้วที่ติด อุปกรณ์สายไฟฟ้า ด้วยความระวัง  ถ้าชำรุดควรเปลี่ยนให้อยู่ในสภาพดี
                3.  รักษาสภาพเครื่องมือที่เคลื่อนย้ายได้ให้อยู่ในสภาพดีตลอด
                4.  ดวงโคมไฟฟ้าต้องมีที่ครอบป้องกันหลอดไฟ
                5.  การเปลี่ยนหรือซ่อมแซมอุปกรณ์  ควรให้ช่างทางเครื่องมือเป็นผู้ดำเนินการ
                6.  ห้ามจับสายไฟขณะที่ไฟฟ้าไหลอยู่
                7.  อย่าแขวนสายไฟบนของมีคม  เช่น มีด เลื่อย ใบพัด
                8.  การใช้เครื่องมือทางไฟฟ้า  ควรต่อเปลือกหุ้มที่เป็นโลหะลงสู่ดิน
                9.  การใช้มอเตอร์ หม้อแปลง  ควรมีผู้รับผิดชอบควบคุมในการเปิด-ปิดใช้งาน
                10.  ในส่วนที่อาจก่อให้เกิดอันตราย  ควรมีป้าย ไฟสัญญาณ ธงสีแดง เทปแดง ติดแสดงไว้
                11.  ถ้าเกิดเหตุการณ์ผิดปกติกับอุปกรณ์  ควรแจ้งให้ผู้รับผิดชอบทราบ
                12.  ห้ามปลดอุปกรณ์ป้องกันอันตรายทางไฟฟ้าออก  เว้นแต่ได้รับอนุญาต
                       13.  เมื่อใช้งานเสร็จ  ควรปิดสวิตช์และต้องแน่ใจว่าสวิตช์ได้ปิดลงแล้ว
                       14.  ควรหมั่นทำความสะอาดให้ปราศจากฝุ่นละออง
                       15.  ควรระวังไฟฟ้าที่มีความต่างศักย์สูง
                       16.  ควรเอาใจใส่ดูแลสายไฟฟ้าแรงสูงตรวจสภาพอยู่เสมอ
                       17.  ห้ามห่อหุ้มโคมไฟด้วยกระดาษหรือผ้า
                       18.  ห้ามนำสารไวไฟหรือสารลุกติดไฟง่ายเข้าใกล้กับสวิตช์
         19. ห้ามใช้อุปกรณ์ขณะมือเปียกน้ำ
                       20.  เมื่อมีผู้ได้รับอันตราย  ควรสับสวิตช์ให้วงจรไฟฟ้าเปิด
                       21.  เมื่อไฟฟ้าดับ ไฟฟ้าช็อต  ควรสับสวิตช์ให้วงจรไฟฟ้าเปิด
                       22.  ไม่ควรเดินเหยียบสายไฟฟ้า
                       23. ควรกดสวิตช์ให้แน่ใจว่าสวิตช์ไม่ค้าง
                     การติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า

       1. การติดตั้งต้องดูแลโดยช่างหรือผู้ชำนาญเว้นแต่งานที่มีความต่างศักย์ต่ำกว่า 50 โวลต์ ซึ่งต่อลงดินเรียบร้อยแล้ว
       2. การติดตั้งต้องผ่านการปรึกษาหารือจากผู้ชำนาญโดยเฉพาะการสื่อสารเมื่อมีการทำงานในขณะ กระแสไฟฟ้าไหลอยู่
                       3.  การติดตั้งอุปกรณ์ต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันโดยเฉพาะหรือมีฉนวนหุ้มดี
                       4.  ไม่ควรทำงานในขณะที่กระแสไฟฟ้าไหลอยู่
                       5.  การติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าต้องปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานทางไฟฟ้า

                6. ห้ามเปิดชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เมื่อเปิดแล้วจะมีกระแสไฟฟ้าไหล ควรใช้ฝาครอบหรือฉนวนกั้น
                7.  อุปกรณ์หรือสายไฟฟ้าที่ติดตั้งในที่สูง  ต้องมีฉนวนหุ้มอย่างดี ตรวจสอบความเรียบร้อยอยู่เสมอ
                8.  เมื่อมีการอุปกรณ์ไฟฟ้าบนถนนควรมีระบบป้องกันอันตราย เฉพาะงาน
                9.  หมั่นตรวจสอบฉนวนหุ้มอุปกรณ์อยู่เสมอในบริเวณที่อาจสัมผัส หรือทำงาน
                10.  กรณีการทำงานเกี่ยวกับไฟฟ้าที่อาจมีการขัดจังหวะงานได้  ควรระวัง
                11.  เครื่องจักรทุกชนิด  ควรมีระบบสายดินที่ดี
12. เครื่องจักรบางชนิดที่สับสวิตซ์ให้ทำงานแล้วไม่สามารถกดสวิตซ์ให้มาทำงานที่จุดเริ่มต้นได้ ควรมีป้ายบอกไว้ชัดเจน
                13.  ต้องมีการถ่ายเทประจุไฟฟ้าเมื่อเครื่องมือนั้นมีประจุค้างอยู่
              
              
       การทำงานขณะมีกระแสไฟฟ้าไหลอยู่ไฟฟ้าแรงสูง

                       1. ต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่เหมาะสมกับงาน เช่น  ถุงมือ ยาง รองเท้าหุ้มส้น หมวกแข็ง
         2. ถ้าต้องทำงานใกล้ไฟฟ้าแรงสูงน้อยกว่า  60 เซนติเมตร  ต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายที่เป็นฉนวนอย่างดี
                       3. ในกรณีที่อยู่ห่างมากกว่า 60 เซนติเมตร ใช้อุปกรณ์รองลงมา
                       4. ในการทำงานต้องปรึกษาช่างหรือผู้ชำนาญการทางไฟฟ้าเสียก่อนและ ต้องมีผู้ชำนาญการควบคุมดูแล
                       5. คนงานไม่ควรพักใกล้สายไฟฟ้าแรงสูง
                       6. การใช้อุปกรณ์เครื่องมือต้องใช้ให้ถูกต้องเหมาะสมกับงาน
              

                     ไฟฟ้าแรงต่ำ

                       1. สวมอุปกรณ์ป้องกันอันตรายเฉพาะสำหรับไฟฟ้าแรงต่ำ
                       2. ในกรณีที่อาจสัมผัสสายไฟฟ้าแรงต่ำต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายและทำการฉนวนอย่างเหมาะสม
ข้อมูลจาก shawpat
บริษัท สยามเซฟตี้พลัส จำกัด อุปกรณ์เซฟตี้ |อุปกรณ์ความปลอดภัย|Safety Shoes  
กลับไปรายการกระดานข่าว

เพื่อนบ้าน :อุปกรณ์ความปลอดภัย,safety shoes,safety footwear,กลูต้า